เอาตัวรอดจากการสัมภาษณ์ Schengen Visa ที่สถานทูตเบลเยี่ยม

สวัสดีครับ.. วันนี้ผมเพิ่งไปสัมภาษณ์วีซ่าเซงเก้นแบบ Tourism ที่สถานทูตเบลเยี่ยมประจำประเทศไทยมา (26 MAY 2016) เลยอยากจะเขียนข้อมูลการเดินทาง-การติดต่อเพื่อเข้าสถานทูต และการสัมภาษณ์วีซ่าทิ้งไว้ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์เหมือนผมครับ ผมขอย้ำว่าเนื้อหาในนี้ไม่ได้กล่าวถึงการขั้นตอนเตรียมเอกสารฯ บทความนี้เหมาะสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปสัมภาษณ์เท่านั้นนะครับ

สำหรับการเตรียมเอกสารเบื้องต้น
– เว็บไซต์ของสถานทูตเบลเยี่ยม
http://www.vfsglobal.com/belgium/thailand/thai/
– กระทู้รายละเอียดการขอวีซ่าเซงเก้นทั้งหมดที่สถานทูตเบลเยี่ยม โดยคุณ nonny_nontakyy
http://pantip.com/topic/32442537

สำหรับการกรอกแบบคำร้องวีซ่าเซงเก้น
– บทความโดยคุณ newtampo
https://newtampo.wordpress.com/2012/08/05/
– บทความโดยคุณ สไปเดอร์แมว
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=monkeycat&month=13-07-2010&group=9&gblog=1

รายชื่อบริษัทประกันภัยที่สถานทูตเบลเยี่ยมรับรอง
ล่าสุดลิงค์เข้าไม่ได้แล้วนะครับ แต่ผมซื้อประกันการเดินทางออนไลน์จาก www.thaivivat.co.th

ตัวอย่างการเขียนจดหมายสปอนเซอร์
– กระทู้รีวิวขอเซงเก้นวีซ่าของออสเตรียฉบับละเอียดยิบ! โดยคุณ PrinzSchweini
http://pantip.com/topic/32124870

ส่วนประเด็นที่ผมจะเล่าถึงการเดินทาง-การติดต่อเพื่อเข้าสถานทูต และการสัมภาษณ์วีซ่าคือหลังจากนี้ครับ..

การเดินทางไปสถานทูตเบลเยี่ยม
ผมเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS โดยลงที่สถานีช่องนนทรี (ในใบ “The Belgium Visa Interview Appointment” จะแนะนำเราทางนี้ครับ) เดินออกทางออกที่ 1 จะมีทางเดินเข้าตรงที่ตึกสาธรสแควร์ทันที เมื่อเข้าไปในตึกให้ลงบันไดเลื่อนลงไปอีกสองชั้นครับ จะเจอร้านกาแฟ Dean & DeLuca ด้านซ้ายมือ มีที่นั่งเฉพาะลูกค้าเท่านั้น ถ้าเลี้ยวขวาจากบันไดเลื่อนจะเห็นแถบเครื่องตรวจบัตรที่คล้ายๆของ BTS และมี Reception ตั้งอยู่ตรงกลางๆ มองตรงไปหน่อยจะเห็นร้านกาแฟ Starbuck อยู่สามารถนั่งรอฆ่าเวลาได้เช่นกันครับ และมีธนาคารต่างๆอยู่รอบๆชั้นนี้ ที่ผมจำได้คือมีธนาคารกสิกรฯ เพราะมันสีเขียวๆมันสะดุดตาแบบสุด

การติดต่อเพื่อเข้าสถานทูตเบลเยี่ยม
สำหรับคนมาติดต่อขอวีซ่าในใบนัดหมายของสถาทูตแนะนำว่า เราว่าควรมาก่อนเวลานัดคิวประมาณ 10  นาที ผมได้คิวนัดตอน 09:00 จึงไปติดต่อ Reception ตอนประมาณ 08:45 ผมบอกพนักงานที่เคาท์เตอร์ Reception ว่า ‘มาติดต่อขอวีซ่าสถานทูตเบลเยี่ยม’ เขาจะขอบัตรประชาชาชนของเราไปดู และคืนให้เราทันทีพร้อมกับการ์ด Visitor เพื่อสแกนผ่านเครื่องตรวจบัตรครับ (พนักงานจะบอกเราครับว่าเดินไปช่องไหน) หลังจากนั้นก็แตะบัตร Visitor ที่ได้ด้านบนเครื่องตรวจบัตร พอผ่านจากเครื่องตรวจบัตรแล้วก็จะเห็นลิฟต์ที่มีตัวอักษร A B C … เต็มไปหมด ให้เรานำการ์ด Visitor มาทาบของแผงข้างๆลิฟต์ครับ สักพักมันขึ้นเลข 16(ซึ่งก็คือชั้น) และรออีกสักพักก็ขึ้นเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ ซึ่งจะบอกว่าเราควรขึ้นลิฟต์ตัวไหน(อย่างของผมได้ตัว E ก็ไปขึ้นลิฟต์ E ครับ)

ต่อไปก็ขึ้นลิฟต์ไปหาห้องสถานทูตครับ อย่าเผลอลงผิดชั้นนะครับ เพราะว่าเสียงพูดบอกเลขชั้นนั้นไม่ได้เป็นทั้งภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ (ผมจะไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นภาษาอะไร) แต่ให้สังเกตในลิฟต์ครับ มันจะมีตัวเลขสีเขียวๆบอกชั้นแสดงอยู่ข้างๆ กับจอที่แสดงเลขชั้นอีกจออยู่ตรงด้านหน้าเราครับผม พอถึงชั้นที่ 16 มองไปตามทางเดินจะเห็นประตูกระจกอยู่ซึ่งนั้นคือ “สถานทูตเบลเยี่ยมประจำประเทศไทย” ครับผม

ตอนเปิดประตูเข้าไป จะเจอห้องกระจกใสๆที่กั้นเรากับเจ้าหน้าที่ ตอนนี้เราต้องยื่น “The Belgium Visa Interview Appointment” ที่ปริ้นท์มาหลังจากที่เรานัดวันวีซ่าเรียบร้อยแล้วให้เขาครับ เขาจะให้บัตรคิวพร้อมกับซองจดหมาย EMS สำหรับใส่หนังสือเดินทางกลับให้เราครับ (ผมไม่แน่ใจว่าที่ต้องรับบัตรคิวจากตรงนี้เลย อาจเป็นเพราะเครื่องกดบัตรคิวเสียมากกว่านะครับ เพราะผมเห็นเครื่องกดบัตรคิวจะอยู่ในห้องรอสัมภาษณ์) จากนั้นเปิดประตูเข้าทางขวามือแล้วนั่งรอเรียกคิว ช่วงนี้ก็เขียนชื่อ-ที่อยู่เราหน้าซอง นำเอกสารทั้งหมดออกมาโดยไม่ต้องใส่แฟ้มครับ โดยเอา “ใบยื่นคำร้องวีซ่า” ขึ้นไว้ข้างหน้าสุดครับ ในห้องนี้จะมีกาว กรรไกร แม็กเย็บกระดาษ ให้พร้อมเลยครับไม่ห่วงเรื่องนี้เลย ผมได้คิวที่ 10 แต่ตอนไปถึงยังอยู่ที่คิวที่ 7 ครับ ใช้เวลารอประมาณ 45 นาทีถึงจะได้คิวตัวเอง เมื่อถึงคิวแล้วจะมีคนเรียกบอกเราครับ (บางทีอาจจะเป็นคนขอวีซ่าด้วยกันเองเนี่ยละครับ ให้บรรยากาศที่อบอุ่นดี)

การสัมภาษณ์วีซ่า

ห้องสัมภาษณ์แบ่งเป็นห้องเล็กๆมีความเป็นส่วนตัวมากครับ ยืนไปโดนสัมภาษณ์ไป คนสัมภาษณ์เป็นคนไทยและสัมภาษณ์เป็นภาษาไทยครับ ผมหอบแฟ้มเอกสารไปในห้องสัมภาษณ์ แอบโดนบอกว่าให้เอาเอกสารที่ใช้ออกมาจากแฟ้มให้หมด และเอาใบยื่นคำร้องวีซ่าไว้ข้างหน้า ผมลุกลี้ลุกลนมากเลยเพราะกลัวโดนดุ แต่พี่เจ้าหน้าที่เขาใจดีมากครับ หลังจากนั้นพี่เขาจะถามคำถามต่างๆ ผมโดนคำถามประมาณว่า

– ขอวีซ่าไปทำอะไร?
ตอบ ขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปท่องเที่ยว
– ใครเป็นคนเชิญ? (ผมมีจดหมายเชิญจากโฮสต์ครับ)
ตอบ Host family ครับ ผมเคยไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศมาแล้วอยากแวะไปหาเขาด้วย
– ไปแลกเปลี่ยนที่ไหนมา? โครงการอะไร?
ตอบ ไปประเทศสหรัฐอเมริกาโดยโครงการของ AFS
– โฮสต์เป็นคนที่ไหน? พูดภาษาอะไร?
ตอบ Dad เป็นคนอเมริกัน Mom เป็นคนเบลเยี่ยม ทั้งคู่พูดภาษาอังกฤษ แต่ Mom พูดฝรั่งเศสได้อีกภาษา
– ไปประเทศเบลเยี่ยมประเทศเดียวใช่ไหม?
ตอบ ไป 3 สามประเทศครับมี เบลเยี่ยม,ฝรั่งเศส กับเนเธอร์แลนด์ (อยู่ในกลุ่มเซงเก้นเหมือนกัน)

แค่นั้นจริงๆครับ ระหว่างที่ถามพี่เจ้าหน้าที่จะเปิดดูเอกสารของเราไปพลางๆ โดยรวมตั้งแต่เข้าไปห้องสัมภาษณ์ไม่ถึง 10 นาทีก็เสร็จแล้วครับ (แต่ผมมีปัญหาที่ว่าเอกสาร Annex 3Bis ต้องถ่ายสำเนาด้วย พี่เจ้าที่บอกว่าหลังจากทำทุกอย่างเสร็จให้ไปถ่ายเอกสารมา แล้วมายื่นที่ห้องเดิม ร้านถ่ายเอกสารจะอยู่ข้าง 7-11 แถวๆตึกเอ็มไพร์ทาวเวอร์ แต่ต้องเดินหน่อยนะครับมันอยู่คนละฝั่ง) พอสัมภาษณ์เสร็จพี่เจ้าหน้าที่จะขอซองจดหมายที่เราเขียนชื่อ-ที่อยู่แล้วคืน และบอกให้เราไปอีกห้องเพื่อที่จะสแกนลายนิ้วมือครับ พอได้เสร็จขั้นตอนนี้ก็จะรับใบเสร็จรับรองว่าทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกมาได้เลย ตอนขากลับก็ใช้การ์ด Visitor ทาบของแผงข้างๆลิฟต์เหมือนเดิมครับ มันจะขึ้นว่าชั้น 1 กับตัวอักษรภาษาอังกฤษว่าลิฟต์ตัวไหน ลงไปชั้นล่างและออกผ่านเครื่องตรวจบัตรโดยสอดบัตรเข้าไป หรือ บางทีอาจจะมีเจ้าหน้าที่มาช่วยให้ขั้นตอนนี้ครับ

ผลการสัมภาษณ์
เมื่อวันที่ 27 MAY 2016 ผมได้รับอีเมลจากสถานทูตว่าได้รับการพิจารณาแล้ว ใช้เวลาแค่หนึ่งวันเท่านั้นในการพิจารณา ถือว่าเร็วมากครับ ในอีเมลจะแจ้ง Track Number ของจดหมายไว้ เราสามารถนำไปตรวจสอบได้ที่ http://track.thailandpost.co.th/tracking/default.aspx ได้ครับ

จดหมายมาถึงบ้านวันจันทร์ครับ (30 MAY 2016)
คาดว่าวันอาทิตย์ไปรษณีย์ไม่ทำการ เลยจดหมายได้วันนี้แทน
ผมได้วีซ่า “แบบ Visitor  Type C ระยะเวลา 1 เดือน”
อาจจะเป็นเพราะจดหมายเชิญและ Annex 3Bis จากโฮสต์ทำให้ผมเป็น Visitor แทนครับ
รอนับถอยหลังอีกไม่กี่วันจะได้เดินทางแล้ว ตื่นเต้นมากๆเลย..